วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555

การเตรียมตัวในการฝึก


การเตรียมตัวฝึก
วิธีการฝึก มโนมยิทธิ ไม่ยากและไม่ง่าย คือ จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย แล้วแต่กำลังใจ หรือ ความดี ความสามารถของท่านผู้เรียนเอง นั่นคือ ท่านจะต้องมี ความพร้อม อันเป็นพื้นฐานความดี ๕ ประการ เพื่อจักทำทิพจักขุญาณให้เกิด ดังต่อไปนี้
ประการแรก ต้องมี ศีลบริสุทธิ์ สำหรับฆราวาส ต้องอาศัยกำลังของศีล ๕ เป็นอย่างน้อย ถ้าศีล ๕ ไม่บริสุทธิ์ ท่านจะฝึกไม่สำเร็จ สำหรับพระภิกษุ สามเณร ชี กับ ผ้าขาว ก็ต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ตามบทบัญญัติในพระธรรมวินัยให้ครบถ้วน
ขอทบทวนความจำของท่านว่า ศีล ๕ ประการอันควรละเว้น ได้แก่
ไม่ฆ่าสัตว์ และไม่ทรมานสัตว์
ไม่ยึดถือเอาของที่เจ้าของเขาไม่ให้ และไม่คดโกงเขา
ไม่ล่วงประเวณีในบุตร ภริยา สามี หรือบริวารของผู้อื่น
ไม่พูดวาจาไม่จริง ใส่ร้าย ป้ายสีให้เขาเสียประโยชน์
ไม่ดื่มสุราเมรัย ของมึนเมา ยาเสพติดให้โทษ
การมีศีลบริสุทธิ์นั้น ใคร่ขอย้ำว่า
ต้องไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง
ไม่แนะนำให้ผู้อื่นทำลายศีล
และไม่ยินดีเมื่อผู้อื่นทำลายศีลแล้ว

สำหรับบางท่านที่ต้องทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการฆ่าสัตว์ เช่น เป็นชาวประมง ถ้าเลิกไม่ได้ เลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะฝึก ต้องเลิกคิดถึงการงานที่ทำ มุ่งเหตุเฉพาะหน้า คือ ตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ขณะขอรับการฝึก หรือขณะฝึกด้วยตนเอง ไม่สนใจอดีตและอนาคตที่ยังมาไม่ถึง อย่างนี้พอจะมีผลบ้างตามสมควร
ประการที่ ๒ ต้องมี พรหมวิหารธรรม ประจำใจเป็นปกติ คือ มี
เมตตา   ความรัก
กรุณา   ความสงสาร
มุทิตา   ยินดีในความดีของผู้อื่น
อุเบกขา วางเฉยในสิ่งเหลือวิสัยของเรา
การฝึกใจให้มีเมตตา กรุณา จะช่วยเกื้อหนุนให้เรารักษาศีล ๕ ได้ครบถ้วนโดยง่าย ทั้งยังเป็นปัจจัยให้ลดโทสะ โลภะ และโมหะ ลงได้ตามอัตภาพแห่งตนอีกด้วย
ประการที่ ๓ ต้อง ไม่มี นิวรณ์ ๕
คือ กิเลสหยาบในใจของท่าน ถ้าละเป็นปกติไม่ได้ ต้องงดให้ได้ขณะที่จะปฏิบัติหรือกำลังขอรับการฝึกอยู่ มิฉะนั้นการปฏิบัติจะไร้ผล เพราะจิตไม่สะอาดพอ การรู้เห็นจึงไม่มี เพราะว่า การฝึกนี้มุ่งที่การฝึกจิต มิใช่ฝึกกาย
นิวรณ์ ๕ อันควรละ ได้แก่
กามฉันทะ        ความรักระหว่างเพศ
ปฏิฆะ             ความหงุดหงิดอาฆาตพยาบาท
ถีนมิทธะ          ความง่วงเหงาเกียจคร้าน
อุทธัจจะกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่านของจิต
วิจิกิจฉา           ความสงสัยในผลของการปฏิบัติ
นิวรณ์นั้นผู้ที่จะละ ๒ ข้อต้นได้โดยเด็ดขาด ต้องเป็นพระอนาคามี และถ้าละ ๓ ข้อหลังได้โดยเด็ดขาดด้วย (ทั้ง ๕ ข้อ) ก็ต้องเป็นพระอรหันต์แล้ว ทีนี้ในเมื่อท่านยังเป็นปุถุชน คนมีกิเลสอยู่ ถ้ามีศรัทธา จะเจริญพระกรรมฐานในหมวดวิชชานี้ ท่านต้องระงับนิวรณ์ให้ได้ทั้ง ๕ ประการ เป็นการชั่วคราวระหว่างเวลาการปฏิบัติ
ประการที่ ๔ ต้องมี ศรัทธา ศรัทธาในที่นี้ หมายถึง
๑.ความเชื่อในความดีและผลของการปฏิบัติ
๒.ยอมรับนับถือความดีและคำสอนขององค์สมเด็จพระบรมครูและพระอริยสงฆ์
๓.เชื่อและพิจารณาตามคำสอน
๔.เชื่อมั่นในตนเองและความรู้สึกครั้งแรกของตนขณะปฏิบัติ
ประการที่ ๕ ต้องมี อิทธิบาท ๔
และสามารถควบคุมกำลังใจของตน ให้กระทำจริง ปฏิบัติจริง เพื่อให้ได้ มโนมยิทธิ หรือ ทิพจักขุญาณ อิทธิบาท ๔ ได้แก่
ฉันทะ   ความพอใจในการปฏิบัติที่กำลังทำอยู่
วิริยะ   มีความพยายามและเข้าใจตามความเป็นจริงว่า การทำงานทุกอย่างทั้งทางโลกและทางธรรมต้องมีอุปสรรค เราต้องอาศัยความเพียรต่อสู้ ไม่ท้อถอย จนกว่าชนะได้
จิตตะ   เอาใจใส่ในวิชาความรู้ที่เราได้แล้วหรือพึงได้และกระทำต่อเนื่อง ไม่ละเลย ให้ยืดเยื้อ หลงลืม
วิมังสา ใช้ปัญญาพิจารณา ด้วยความมีเหตุ มีผล ใช้สัญญา คือ ความจำประกอบ ในการหาเหตุผล ใคร่ครวญ แล้วสลัดความโง่ทิ้งไปเสีย
ขณะตั้งใจปฏิบัติธรรม ให้ตัดความกังวล วางความห่วงใยในธุรกิจ การงาน ในทรัพย์ ในบุคคลไว้ชั่วคราว เฉพาะเวลาที่จะทำกรรมฐาน ต่อจากนั้น ต้องรู้จักควบคุมกำลังใจ วางอารมณ์ให้ตรงจุด จิตไม่ฟุ้งซ่าน ให้จิตสบาย ๆ ไม่เครียด รู้จักจับลมหายใจเข้าออก รู้จักคำภาวนา และรู้จักภาวนา เป็นต้น.

การสมาทานพระกรรมฐาน
ถ้าจะปฏิบัติให้ต้องตามแบบแผนจริง ๆ ท่านจะต้องมีของบูชาครู คือ พระพุทธเจ้า ให้พร้อมด้วย ได้แก่ เงินไม่น้อยกว่า ๑ สลึง ธูป ๓ ดอก เทียนหนักบาท ๑ เล่ม และ ดอกไม้ ๓ สี ๓ ดอก
สำหรับผู้ที่ฝึกครึ่งกำลัง ถ้าไม่สะดวกจะหาของเหล่านี้มา เช่น ดอกไม้ไม่ครบ ๓ สี ท่านอนุโลม ให้เป็นกี่สี กี่ดอกก็ได้ และสำหรับท่านที่ไม่สามารถจะหาดอกไม้ธูปเทียนได้ แต่พอมีเงินบ้าง สามารถใช้เงินในอัตราพอสมควร อธิษฐานบูชาครู แทนดอกไม้ธูปเทียนได้ เงินบูชาครูนี้ ห้ามนำไปใช้ส่วนตัวอีก ต้องนำไปถวายพระให้เป็นสังฆทานทั้งหมด
ถ้าท่านไปขอรับการฝึก ที่วัดท่าซุง หรือ ที่บ้าน พล.อ.ท.ม.ร.ว.เสริม สุขสวัสดิ์ ซอยสายลม (พหลโยธินซอย ๘)โทร ๐๒-๖๑๖-๗๑๗๗ ในวันเสาร์-อาทิตย์ต้นเดือน ที่หลวงพ่อฤาษีท่านมาสอนพระกรรมฐานนั้น ดอกไม้ธูปเทียนบูชาครู มีไว้ให้ท่านแล้ว โดยผู้มีจิตศรัทธาใจกุศลจัดถวายแด่หลวงพ่อฤาษี เพียงแต่ท่านเตรียมเงินมาผาติกรรม หรือจ่ายทดแทนให้แก่สงฆ์ตามสมควรแก่ราคาเท่านั้น
เมื่อเตรียมใจและกาย ของบูชาครูแล้ว ให้เข้าประจำที่ ณ สถานที่ที่จัดไว้ ก่อนรับการฝึก หรือก่อนลงมือปฏิบัติ ในกรณีที่ท่านฝึกเองที่บ้าน ขั้นต้น ท่านต้องมีการบูชาพระรัตนตรัยก่อน ต่อไป ควรกล่าวคำขอขมาพระรัตนตรัย แล้วจึงสมาทานศีล และสมาทานพระกรรมฐาน ตามลำดับขั้นตอน ดังนี้

คำบูชาพระรัตนตรัย
        โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
        สวากขาโต เยนะ ภะคะวะตา ธัมโม
        สุปะฏิปันโน ยัสสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

        ตัมมะยัง ภะคะวันตัง สะธัมมัง สะสังฆัง
        อิเมหิ สักกาเรหิ ยะถาระหัง อาโรปิเตหิ อะภิปูชะยามะ
        สาธุ โน ภันเต ภะคะวา สุจิระปะรินิพพุโตปิ
        ปัจฉิมา ชะนะตา นุกัมปะมานะสา
        อิเม สักกาเร ทุคคะตะปัณณาการะ ภูเต ปะฏิคคัณหาตุ
        อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
        อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ (กราบ)
        สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
        สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ)
        คำแปล
        พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด ทรงเป็นพระอรหันต์ และเป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ
        พระธรรม อันพระผู้มีพระภาคองค์ใด แสดงไว้ดีแล้ว
        พระสงฆ์ สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์ใดเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว
        พวกเราขอบูชาเฉพาะซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า
        กับทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ ด้วยเครื่องสักการะเหล่านี้
        พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น แม้จะปรินิพพานไปนานแล้วก็ตาม
        แต่ก็ได้ทรงบำเพ็ญพุทธกิจเพื่ออนุเคราะห์แก่คนผู้เกิดมาในภายหลัง
        ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงรับเครื่องสักการะ
        อันถือเสมือนเครื่องบรรณาการของคนยากไร้เหล่านี้ด้วย
        ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่พวกเราทั้งหลายสิ้นกาลนาน
        พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระอรหันต์ ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง
        ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
        ข้าพเจ้าขออภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
        พระธรรม เป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว…
        ข้าพเจ้าขอนมัสการพระธรรม
        พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว…
        ข้าพเจ้าขอนอบน้อมต่อพระสงฆ์.

คำขอขมาพระรัตนตรัย
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต

ท่านสาธุชนที่ไม่ถนัดบาลี จะนึกหรือกล่าวเป็นภาษาไทย ตามแบบฉบับที่หลวงพ่อฤาษี ท่านเคยแนะนำไว้ อาจสะดวกใจกว่า ดังนี้
“ข้าแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากข้าพระพุทธเจ้า เคยประมาทพลาดพลั้งต่อพระรัตนตรัย คือ พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ก็ดี พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ก็ดี พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทุก ๆ องค์ก็ดี ตั้งแต่ในอดีตชาต มาถึงปัจจุบันนี้ ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี หรือทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี
ขอองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า ได้โปรดงดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าข้าพระพุทธเจ้าจะเข้าสู่พระนิพพานเทอญ”
หรือท่านใด จะกล่าวคำขอขมาทั้งภาษาไทยและภาษาบาลีด้วย เพื่อความมั่นใจของตนยิ่ง ๆ ขึ้น ก็ได้เช่นกัน ประการสำคัญ ท่านต้องกล่าวด้วยความเคารพ.

การสมาทานศีล
ท่านสาธุชน ทุกครั้งหลังบูชาพระ และก่อนจะสมาทานพระกรรมฐาน พระท่านจะให้สมาทานศีลก่อน จะเป็นศีล ๕ ศีล ๘ ก็แล้วแต่ โดยปกติแล้ว ถ้าฝึกที่วัด หลวงพ่อฤาษีท่าน จะให้สมาทานศีล ๘ บางครั้งเพียงศีล ๕
อย่างไรก็ดี การสมาทานศีลนั้น ข้อสำคัญอยู่ที่ ต้องสมาทานด้วยความเคารพ และตั้งใจปฏิบัติด้วยความจริงใจ ผู้ที่คิดว่าตนรักษาได้เฉพาะศีล ๕ ศีล ๘ นั้นเกินกำลังของตน เมื่อพระท่านให้ศีล ๘ ท่านก็ไม่ต้องกังวล รับศีล ๘ เต็มอัตรา ตั้งใจรักษาขณะทำกรรมฐานไว้ก่อน พอเลิกแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ท่านจะลดลงมารักษาแค่ศีล ๕ ก็ได้ ไม่ถือว่าเป็นการผิดสัจจะวาจาแต่อย่างใด
นอกจากนี้ กำลังของศีล จะช่วยให้ท่านมี ทิพจักขุญาณ แจ่มใสขึ้นด้วย ศีล มีผลต่อการปฏิบัติกรรมฐาน อย่างสำคัญทีเดียว
ขอยกตัวอย่าง ขาดศีลข้อปาณาติบาต สัก ๑ เรื่องว่า
มีอยู่คนหนึ่งที่ข้าพเจ้ารู้จัก เธอเลี้ยงสุนัขกี่ตัว ๆ ก็มีหมัดเกาะกินมากมาย หมัดกระจายทั่วบ้าน แม้กระทั่งห้องนอนของเธอ เธอจัดการแคะไค้ จับออกมากวาดต้อนสัปดาห์ละหน รวมกันได้คราวละร้อย ๆ ตัว แล้วเธอก็ประชุมเพลิง เอาไฟเผาจนตาย อย่างนี้เป็นประจำ เธอเกลียดและไม่อยากให้แพร่ลูกหลานต่อไป
ต่อมา เธอตามผู้ใหญ่ไปภาวนาบ้าง ณ สำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง เธอเล่าว่า วันหนึ่งพอจิตสงบ(ถึงอุปจารสมาธิ) เธอเห็นหมัดนับหมื่น ๆ ตัว ลอยมารอบตัวเธอเป็นแพเต็มไปหมด น่าเกลียดน่าขยะแขยง ตัวแดง ๆ ทั้งนั้น เธอตกใจกลัวมาก หลายวันต่อมา เธอพยายามทำใจกล้า นั่งสมาธิใหม่ คราวนี้รู้สึกเห็นไฟลุกโพลงจะไหม้ตัวเธอ เธอร้อนและกลัวมากจนทนไม่ไหว แทบกระโจนหนีตกศาลา
นี่กรรมปาณาติบาต ทันตาเห็น มาขวางกั้น ขณะที่เธอจะทำความดีขั้นปรมัตถ์
เรื่องของศีลก็มีความสำคัญดังนี้ ฉะนั้น ถ้าท่านฝึกเองที่บ้าน ไม่มีพระสงฆ์มาสมาทาน(บอกศีล)ให้ ท่านตั้งจิตคิดขอรับจากพระพุทธรูปของท่านก็ได้ ไม่ต้องลำบากกายไปนิมนต์พระสงฆ์มาบอกศีลให้ท่านอีก เพราะท่านเองก็รู้แล้วว่า ศีล ๕ ข้อมีอะไรบ้าง
ขอเพียงท่านตั้งสัจจาธิษฐาน ขอรับเอามาปฏิบัติเพื่อ การเว้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป กุศลใหญ่ก็บังเกิดขึ้นแล้ว ศีล อยู่ที่ การละ การเว้น มิได้อยู่ที่ การขอ การสมาทาน แต่อย่างใด.

คำสมาทานพระกรรมฐาน
        นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
        นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
        นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

        อิมาหัง ภะคะวา อัตตะ ภาวัง ตุมหากัง ปริจจะชามิ
“ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา มีหลวงพ่อปานวัดบางนมโค เป็นที่สุด ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะพระกรรมฐานทั้ง ๔๐ ทัศ พระปิติทั้ง ๕ และวิปัสสนาญาณทั้ง ๙
ขอพระกรรมฐานทั้ง ๔๐ ทัศ พระปิติทั้ง ๕ และวิปัสสนาญาณทั้ง ๙ จงมาบังเกิดปรากฏในกายทวาร ในวจีทวาร ในมโนทวาร ของข้าพระพุทธเจ้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะแห่งเมฆจิต สามารถกำหนดจิต รู้ภาวะการณ์ต่างๆ ทั้งเหตุ ผล อดีต อนาคต และปัจจุบันได้ทุกขณะจิตที่ปรารถนาจะรู้ เมื่อรู้แล้ว ขอให้เห็นภาพนั้นได้ชัดเจนแจ่มใส และพยากรณ์ได้ตามความเป็นจริงทุกประการ เหตุใดที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้นได้ โดยไม่ต้องกำหนดจิตแม้แต่ประการใด ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด”.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น